วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แว๊นกินลม ... ชมทุ่งทานตะวัน ... ที่สระบุรี


ห่างหายไปนานกับการเล่าเรื่องเที่ยวแบบลุย ที่จริงอาจจะลืมไปเลยเพราะงานยุ่งๆ จนมีผู้อ่านจากไหนไม่รู้แวะมาอ่านเรื่อง หาดวนกร (วะ-นะ-กอน) แบกเป้ นั่งรถไฟ ไปกางเต๊นท์นอนทะเล ที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้แล้วคอมเมนต์ให้กำลังใจเรามา วันนี้เลยมีโอกาสมาเขียนเล่าให้อ่านกันอีก เวิ่นเว้อมานาน เริ่มเลยล่ะกัน

จำได้ว่าช่วงนี้เป็นเดือนธันวาคม สำหรับแผนการเดินทางเราวางแผนไว้ว่าเราจะแว๊นหรือขี่มอไซด์ออกจากบ้าน (บ้านพวกเราอยู่สระบุรี) เริ่มจาก อ.แก่งคอย ไปทาง อ.มวกเหล็ก ต่อด้วย อ.วังม่วง ผ่านไร่องุ่น อุโมงค์ต้นไม้ แวะพักที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฟาร์มผึ้งโดยเป็นการวนกลับสู่ อ.แก่งคอย

เมื่อได้แผนการเดินทางแล้ว เราก็ต้องสำรวจว่าใครจะไปบ้างล่ะ คนที่แจ้งว่าจะไปก็มี พี่ตี้กับน้องออ พร้อมมอไซด์ 1 คัน เฮียกับน้องกี้พร้อมมอไซด์ 1 คัน และเรากับเพื่อนลี่อีก 1 คัน สรุปรวมเริ่มต้นมีมอไซด์ 3 คันกับหนุ่มสาวหน้าใส 6 คน

การเดินทางเริ่มต้นที่เช้าตรู่ของวันเสาร์ (ที่เราไม่ต้องทำงาน) เราออกจาก อ.แก่งคอยมุ่งหน้าไปตามถนนผ่านไร่นาของชาวบ้านสักพักเราก็เริ่มตื่นเต้นกับไร่ทานตะวัน ขับไปก็ยิ่งเจอไร่ทานตะวันที่กำลังเบ่งบานอวดสายตาพวกเราเต็มท้องทุ่ง จนพวกเราอดใจไว้ไม่ไหวต้องอจดรถข้างทางแล้วไม่รอช้า วิ่งเข้าไปถ่ายรูปกับดอกทานตะวันสีเหลืองที่ชูคอรอให้เราถ่ายรูปอยู่ (รูปที่ถ่ายออกมาดอกทานตะวันบางดอกกับหน้าของเราเท่ากันเป๊ะ) พอถ่ายรูปได้สักพักเราก็ไปกันต่อ แต่แหมทำไมมันคันตามแขนขาล่ะ ก็จะไม่คันได้งัย เล่นวิ่งลุยไปกลางทุ่งทานตะวันซะขนาดนั้น แต่ไม่ใช่อุปสรรค แล้วเราก็แว๊นต่อมุ่งหน้าจุดหมายปลายทางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

แว๊นกันมาได้สักพักพลังงานเริ่มหมด หิวอ่ะดิ กินไรดีล่ะ ก็แว๊นกันไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็มองหาอะไรที่เราจะกินได้ แว๊นมาได้พักนึง โอ้! บร๊ะเจ้า เจอร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง แวะล่ะนะ ทุกคนไม่รอช้าจัดมาคนละชาม ก๋วยเตี๋ยวไม่น่าอร่อยเลย เป็นก๋วยเตี๋ยวแบบบ้านๆ (บ้านนอกก็เรียกได้) แต่! ขอบอก โค-ตะ-ระ อร่อย ดังนั้นมีบางคนขอสอง เล่นเอาแม่ค้ายิ้มไม่หุบ คงคิดในใจว่าวันนี้โชคดีจังมีลูกค้ามากินทีเดียวเกือบสิบชาม

เมื่อเติมพลังกันเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางต่อ ระหว่างทางเราก็ยังแวะเก็บภาพทุ่งทานตะวันสวยๆ ไปเรื่อยๆ ทางที่เราไปก็ผ่านทั้งไร่ทานตะวัน ไร่อรุ่น ไร่อ้อยสีเขียวๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ไปเรื่อยๆ ตอนไปเราไปทางมวกเหล็ก ผ่านอุโมงต้นไม้ด้วย อุโมงค์ต้นไม้ที่โด่งดัง เคยมีรายการทีวีหลายรายการมาถ่ายด้วยนะ ที่เรามาทางนี้ก็เพราะนัดเพื่อนอีกคนที่อยู่มวกเหล็กมาเจอกัน เพราะไม่ได้เจอกันนานมากเลยนัดมาเจอกันซะหน่อย รอพักนึงเพื่อนชายนาย อ. ก็มาถึง เราก็มุ่งหน้าไปเขื่อป่าสักฯ จนเที่ยงหรือเกือบบ่ายก็มาถึงทางเข้า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

ทางเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ก็เต็มไปด้วยร้านค้าไม่ว่าจะเป็นร้านขายเมล็ดทานตะวัน ผลไม้ ปลาแห้ง ปลาแดดเดียว ที่สำคัญร้านปลาเผา ว้าว! น้ำลายสอ อยากกินปลาเผา (เอาตัวโตๆ สั่งเป็นกิโล หนูชอบๆ) เราก็เลยเลือกร้านแถวๆ หน้าเขื่อนแล้วเข้าไปสั่งปลาเผาที่เราอยากกินพร้อมอาหารอื่นๆ มาอีกชุดใหญ่ให้สมกับการแว๊นมากินไกลๆ หลังจากสั่งเสร็จก็เมาส์อย่างเมามันส์เนื่องจากไม่ได้เจอกันนานก็ต้องเมาส์ให้หายคิดถึง

เมื่ออาหารที่สั่งมาพร้อม พวกเราก็หยุดเมาส์อัตโนมัติ หันมาก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารที่สั่งมาทันที เมื่อกินกันจนอิ่มก็เริ่มคุยกันอีกครั้ง พอได้เวลาสมควรเราก็จ่ายเงินแล้วพากันเข้าไปในเขื่อน ขอบอกว่า คนเยอะมาก เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์นักท่องเที่ยวเลยเยอะมาก บริเวณเขื่อนที่ว่ากว้างกลับดูแคบไปถนัดตา เราก็หาที่จอดมอไซด์คู่ใจ แล้วก็เข้าไปหาที่นั่ง เราเลือกมุมนั่งได้ก็นั่งพัก คุยกัน ใครอยากถ่ายรูปก็ถ่าย ใครอยากให้อาหารปลาก็ซื้ออาหารปลา ใครอยากขี่ช้างก็มี ใครอยากนั่งรถชมวิวก็มีรถรางบริการ (แต่รถรางนี่คนเยอะมาก ต้องต่อคิวนานทีเดียว) ภายในเขื่อนก็มีบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างคืนด้วยนะ บ้านสวยๆ หลังใหญ่ๆ ทั้งนั้น ราคาก็ไม่แพงนะ ใครสนใจก็ไปกันได้ บรรยากาศในเขื่อนดีมากๆ ลมก็พัดมาเรื่อยๆ โอ้ย! อยากหลับสักตื่นจริง

เราใช้เวลาอยู่ในเขื่อนพักใหญ่ๆ บ่ายแก่ๆ เมื่อได้เวลาเราก็เตรียมตัวกลับ ก่อนกลับเราก็ต้องไม่ลืมของฝาก เพื่อนกี้นี่จะได้ของมากกว่าคนอื่นรู้สึกเพื่อนกี้จะลืมตัวทุกทีที่อยู่ในตลาด สิ่งหนึ่งที่เราพลาดไม่ได้ที่จะซื้อคือ เมล็ดทานตะวัน เพราะมันอร่อยและเมามันส์มากเวลาได้ลิ้มลอง โดยเฉพาะเวลาดูทีวีหรือนั่งคุยกัน คุยไปกินไปบางทีรู้ตัวอีกทีก็เต็มไปด้วยเปลือกเมล็ดทานตะวันแล้ว

การเดินทางกลับเราก็ยังคงแว๊นกลับแต่เป็นอีกเส้นทาง คราวนี้ผ่านร้านคุณกบ ปภัสราด้วย ร้านคุณกบมีร้านอาหาร คอกม้าและอื่นๆ อีกมากมาย แต่เราก็ไม่ได้แวะเพราะค่อนข้างเย็นมากแล้วกลัวกลับค่ำมากจะอันตราย แล้วก็ขับมาเจอฟาร์มเลี้ยงผึ้ง เราก็แวะดูแต่แอบเสียวผึ้งต่อยนะ เพราะผึ้งเยอะมาก ดูพักนึงก็ออกเดินทางจนมาเจอทางเดิมที่เป็นทุ่งทานตะวัน ถึงตอนนี้ก็ประมาณห้าโมงเย็น อาทิตย์กำลังจะตกดินโดยมีภูเขาอยู่ข้างหน้า และมีฉากหน้าเป็นทุ่งทานตะวันชูดอกสวยๆ เราก็เลยหยุดกันอีกเพื่อเก็บรูปสวยๆ แต่ละคนมีท่าทางการถ่ายรูปแตกต่างกันไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว พอหนำใจเราก็แว๊นกลับต่อไป จนกลับถึงบ้านก็ค่ำพอดี

ทริปนี้เป็นการเดินทางที่สนุก ตื่นเต้น (ลืมเล่าไป เฮียกับน้องกี้ลงไปวัดข้างทางด้วยนะ แต่ไม่เป็นไรมาก) บรรยากาศข้างทางไม่อาจหาได้ในเมือง อากาศบริสุทธิ์ สีเขียวของภูเขา ต้นไม้ตัดกับสีเหลืองของดอกทานตะวัน การได้พบเจอวิถีชีวิตของชาวบ้าน ทุกอย่างมันช่างลงตัวและมีความสุขจริงๆ ขอบคุณทริปนี้ที่ทำให้มีความสุขมาก แล้วไว้เจอกันใหม่ในทริปหน้า ยังมีทริปตื่นเต้นอีกเยอะที่ยังไม่ได้เล่า คอยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคร๊าบบบบบ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น